Last updated: 29 ต.ค. 2562 | 3028 จำนวนผู้เข้าชม |
1. สไตล์โมเดิร์น (Modern Style) รูปแบบโมเดิร์นได้รับอิทธิพลมาจากยุคปฏิวัติ อุตสาหกรรมในช่วงศตวรรษที่ 18 – 20 ซึ่งเป็นยุคที่คำนึงถึงคุณค่าและศักยภาพการใช้งานของสิ่งต่างๆ ประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า ประหยัดวัสดุและแรงงานในการก่อสร้าง ดังนั้นจึงเกิดการลดทอนองค์ประกอบตกแต่งที่ฟุ่มเฟือยมาใช้รูปทรงเรขาคณิต ขั้นพื้นฐานที่มีความเรียบง่าย เนื่องจากคำว่า Modern ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ใหม่หรือทันสมัย จึงหมายถึง การออกแบบในรูปแบบใหม่ๆ สำหรับยุคนั้น
การตกแต่งบ้านสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่หรูหราอลังการ แต่ดูดีด้วยโทนสีและรูปทรงธรรมดา ซึ่งโทนสีที่นำมาใช้บ่อยครั้งในสไตล์โมเดิร์น ได้แก่ สีขาว ดำ และเทา บางครั้งก็ใช้แม่สีมาเติมความสดใส และของตกแต่งรูปทรงเลขาคณิต เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่และการใช้งาน
2. สไตล์ลอฟท์ (Loft style) เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้ง 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ หลายบริษัทต้องปิดตัว และส่งผลให้เกิดโกดังร้างจำนวนมาก ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นที่พักอาศัย ก่อนจะถูกหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบบ้านในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นห้องเพดานสูง การเปิดช่องประตู-หน้าต่างขนาดใหญ่ โชว์งานระบบต่าง ๆ การเปลือยผิววัสดุแบบไม่มีการตกแต่ง เน้นของตกแต่งที่ทำจากอิฐ เหล็ก ปูน และไม้
โดยโทนสีที่นิยมนำมาใช้ คือ ขาว เทา ดำ และ น้ำตาล
3.สไตล์คลาสสิค (Classic style) คำว่าสไตล์คลาสสิคเป็นคำกลางๆ ที่ใช้รวมเรียกงานสถาปัตยกรรม อย่างเช่น งานสถาปัตยกรรมในยุคกรีก-โรมัน (Greece-Roman), เรอเนซองส์ (Renaissance), บาโรค (Baroque), วิกตอเรียน (Victorian) ไปจนถึง ศิลปะนูโว (Art Nouveau) แม้ว่าลักษณะงานสถาปัตยกรรมจากช่วงเวลาทั้งหมดตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 16 (ค.ศ. 1501) จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1901) จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีหลักการสำคัญที่คล้ายๆ กันคือ การเน้นไปที่การตกแต่งประดับประดาด้วยสัดส่วนที่สวยงามและลงตัว ดูหรูหรา โออ่า บ่งบอกถึงฐานะ ทำให้มักเป็นที่ชื่นชอบสำหรับบรรดาผู้มีฐานนะอย่างเช่น บุคคลระดับสูงซึ่งมีหน้ามีตาในสังคม
โดยสีที่นิยมใช้คือ ขาว เทา ครีมหรือน้ำตาลอ่อน
4. สไตล์คอนเทมโพรารี (Contemporary style) เป็นการตกแต่งบ้านแบบร่วมสมัย โดยการผสมผสานระหว่างรูปแบบบ้านในอดีตกับปัจจุบันเข้าด้วยกัน โทนสีที่นิยมใช้ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีกลาง เช่น สีครีม ขาว น้ำตาล เทา เปลี่ยนลุคบ้านให้ดูเรียบหรู แต่ก็ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีการจัดวางเลย์เอาต์ที่ชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ เน้นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และของที่ใช้งานได้จริงมากกว่าของตกแต่งเพื่อความสวยงาม
5. สไตล์วินเทจ (Vintage Style) สไตล์การตกแต่งบ้านแบบย้อนยุคและมีการดีไซน์พิถีพิถันในทุกรายละเอียด มักใช้ลวดลายที่ดูพลิ้วไหว อ่อนช้อย อย่างเช่น ลายดอกไม้ สำหรับสีที่นำมาใช้กับสไตล์วินเทจมักจะเป็นสีอ่อน ๆ อย่างสีขาว ครีม แดงอ่อน เหลืองอ่อน และม่วงอ่อน อีกทั้งรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์จะดูคล้ายกับเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ แต่มีการลดทอนรายละเอียดลงมา
6. สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Style) สไตล์การตกแต่งบ้านที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศในกลุ่มนอร์ดิก (ยุโรปตอนเหนือ) ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีดีไซน์ที่สวยงามให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะที่มีความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน นิยมใช้งานไม้และตกแต่งด้วยโทนสีกลางหรือสีอ่อน ๆ เช่น ครีม เทา น้ำเงิน หรือฟ้าอ่อน บรรยากาศภายในเน้นความโปร่งสบาย สว่าง และอบอุ่นด้วยแสงจากธรรมชาติ
7. สไตล์มินิมอล (Minimal Style) หลักการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลก็คือ การตัดส่วนที่ไม่จำเป็น และเหลือไว้เฉพาะสิ่งสำคัญ ตามคอนเซ็ปต์ "Less is More" หรือน้อยแต่มาก โดยการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น สิ่งของถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ สะอาดตา โดยหัวใจสำคัญในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลก็คือ การมีเฟอร์นิเจอร์ และของใช้สอยต่างๆ ที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตจริงๆ และเน้นใช้สีอิงกับธรรมชาติแบบสีเอิร์ธโทนหรือสีอ่อน ๆ เช่น สีขาว น้ำตาล สีเขียว และสีฟ้า
8 .สไตล์โอเรียนทอล (Oriental Style) การตกแต่งบ้านที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมและศิลปะจากฝั่งตะวันออก การดีไซน์และออกแบบของต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นและอากาศ โทนสีที่ใช้ส่วนมากนิยมใช้สีทอง น้ำตาล ดำ แดง และใช้วัสดุจากธรรมชาติ หาได้ง่ายจากท้องถิ่น เน้นความสบายมากกว่าความหรูหรา สะท้อนตัวตนของผู้คนในเอเชียได้เป็นอย่างดี
9. สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style) สไตล์การตกแต่งบ้านที่ดูสดใสมีชีวิตชีวา นิยมใช้สีและลวดลายเลียนแบบธรรมชาติในเมืองร้อน เช่น สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ใหญ่ ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักร้อน เหมาะกับการพักผ่อน สบาย และผ่อนคลาย
13 ก.พ. 2564
24 ส.ค. 2565
15 มี.ค. 2564